ก้าวข้าม ปล่อยวาง

แกนนำ พธม. (พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ประกาศยุติบทบาท เพื่อให้สมาชิกเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มอื่น ตามชอบ

สนธิ ประกาศจุดยืน ปฏิรูปประเทศ “ไม่เอานักการเมือง”  เสนอแนวคิด สันติวิธี คือ 1. ปล่อยให้บ้านเมืองฉิบหาย ล่มสลายจนคนเดือดร้อน ตื่นรู้กันทั้งประเทศ หรือ 2. เสนอทางออกปฏิรูปประเทศไทยยึดประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชน 65 ล้านคน เป็นตัวตั้ง

เรียกร้องให้ผู้ที่เห็นด้วยร่วมกันสร้างประเทศ รวมทั้ง นปช. (ตัวจริง) ด้วยถ้า นปช. ก้าวข้ามทักษิณ และก้าวข้ามหมิ่น สถาบัน

กลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณในขณะนี่ และกลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุน ต้องถามตัวเองว่า กำลังทำอะไรอยู่

พธม. ขับไล่ทักษิณ เปิดโอกาสให้ทหารเข้ามายึดอำนาจปี 2548 ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มีการเลือกตั้ง – ทักษิณกลับเข้ามาครองประเทศอีก พธม.ก็ขับไล่อีก – ประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล นปช. รวมพลังขับไล่ประชาธิปัตย์ ถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง คนตายเกือบร้อย บาดเจ็บนับพัน - ปชป. ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ทักษิณก็กลับเข้ามายึด ประเทศอีก และ กลุ่มไม่เอาทักษิณก็กลับมาขับไล่อีก ..... แล้วเมื่อไหร่จะจบ

ไม่เพียงแค่นี้ ตั้งแต่ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยมีรัฐธรรมนูญ 80 ปี การแย่งชิงอำนาจก็ยังไม่จบ
ความจริงก็คือ นักการเมืองปะทะคารมในสภา ประชาชนฝ่ายหนุนทั้งสองฝ่าย 15 ล้านเสียง และ 12 ล้านเสียง ปะทะกันนอกสภาบาดเจ็บล้มตายเพื่อให้ได้มาซึ่งฝ่ายที่ตนสนับสนุน ถ้านักการเมืองทั้งสองฝ่ายไม่มีใครสนับสนุน อะไรจะเกิดขึ้น ก็แค่ทะเลาะกัน ไม่ยกพวกตีกันแน่นอน สรุปก็คือ ประชาชนคือผู้หนุนขั้วอำนาจการเมืองที่มีทุน สามานย์อยู่เบื่องหลังเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ก็เพราะว่า “Thailand is Rumor driven society” รับฟังใครมาก็เชื่อ ความยุ่งเหยิงจึงเป็นเช่นนี้แล

ที่ พธม.ประกาศยุติบทบาทขับเคลื่อนมวลชนก็เพื่อให้มองเห็นจุดนี้ เหมือนกับการหลุดออกจากป่าดิบที่มืดมน ออกมาเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ ช่างน่าสดชื่นจริงๆ

แล้ว พธม. ก็เรียกร้องให้ผู้ที่ยังหลงอยู่ในป่าให้ออกมาชมความสวยงามนอกป่า นี่คือความคิดของสนธิและแกนนำ พันธมิตรฯ ให้ประชาชนมาร่วม “ปฏิรูปประเทศ” เพราะความจริงก็คือ ประชาธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ประชาชนคือผู้กำหนดทิศทาง ไม่ใช่นักการเมืองแค่หยิบมือ เพราะนักการเมืองเป็นเพียงแค่ตัวตุ๊กตาที่ประชาชน กำหนดให้เล่น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ จึงตกเป็นเบี้ยของนักการเมือง